วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้มารับบริการจากหน่วยงานองค์การบริหารส่วนนตำบลท่าคล้อ

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557


ประโยชน์จาก.....โยเกิร์ต



  1. คนที่ท้องเสียเนื่องจากมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตนั้นเกิดมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดเลวทั้งหลายนี้ ดังนั้นการกินโยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียของคุณทุเลาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่าย
  2. โยเกิร์ตมีไขมันชื่อคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ
  3. โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย มีสารอาหารถึง 11 ชนิด และแต่ละชนิดเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกายทั้งนั้น อย่างไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 โปรตีน วิตามินบี 12 ทริปโทฟาน โพแทสเซียม โมลิปเดนัม สังกะสี และวิตามินบี 5 ฉะนั้น คนที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำถึงได้อายุยืนแถมแข็งแรง
  4. ถึงแม้ยเกิร์ตจะทำมาจากนม แต่โยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดา เพราะลำไส้ของเราย่อยนมไม่ได้ แต่สำหรับโยเกิร์ตกลับทำได้ชิลๆ เพราะในโยเกิร์ตมีกรดแลกติกที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้
  5. จุลินทรีย์ทั่วไปอาจทำร้ายร่างกายแต่แลคโตบาสิลัสในโยเกิร์ตเป็นจุลินทรีย์ ชนิดดีที่ ร่างกายต้องการ มันจะไปหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อ “เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร” ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ แถมยังทำตัวเป็นนักปราบปรามจุลินทรีย์ที่จะทำให้คุณเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วงที่มีรอบเดือนผู้หญิงจึงควรทานโยเกิร์ตเป็นประจำ
  6. แคลเซียมสูงที่ได้จากโยเกิร์ตจะทำให้เป็นสาวกระดูกเหล็ก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันสูง มะเร็งลำไส้ และยังกระตุ้นระบบเผาผลาญทำให้คุณผอมเองโดยไม่ต้องเหนื่อย
  7. ทำให้ปากสะอาด กำราบกลิ่นปากและโรคเหงือก
  8. เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะแบคทีเรียในโยเกิร์ตทำให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินเคและบีในลำไส้ได้ดีขึ้น



"แล้วอย่าลืมหันมาใส่ใจสุขภาพกันน่ะคะ"







วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557


น้ำส้มคั้น คลายร้อน ผิวใส วิตามินซีสูง

 "ส้ม"  เมื่อพูดถึงชื่อนีี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ผลไม้ที่มีกลิ่นหอมอร่อยติดปากติดใจ เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่รับประมานได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา เป็นหนึ่งผลไม้ในดวงใจของใครหลายๆคน ด้วยรสชาติที่แสนอร่อยและหาซื้อได้ง่าย มีหลายสายพันธุ์ หลายขนาดให้เลือก ทุกส่วนของส้ม ผิว เมล็ด น้ำ เปลือก สามารถนำมาใช้ประโยขน์ได้ การรับประทานส้มทุกวันนั้นยังได้ประโยชน์นานานับประการณ์ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงมาดื่มน้ำส้มกันเถอะค่ะ

         



ส่วนผสม
ส้ม                                3  ผลใหญ่
น้ำเชื่อม                         1  ช้อนคาว
เกลือป่นเสริมไอโอดีน     1-2  ช้อนชา
วิธีทำ
1.  ล้างผลส้มให้สะอาด
2.  หั่นส้มแนวขวาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ
3.  ใส่น้ำเชื่อมและเกลือป่น ปรับรสชาติได้ตามต้องการ
คุณค่าทางอาหาร
1.  มี  Vitamin C  ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ผิวใส
2.  มี  Vitamin A  มากช่วยบำรุงสายตา
3.  มีแคลเซียม  ฟอสฟอรัส  ช่วยบำรุงกระดูและฟัน

คุณค่าทางยา
1.  ป้องกันโรคโลหิตจาง
2.  เปลือกใช้ไล่ยุง
3.  บำรุงกระเพราะอาหาร ขับลม
4.  ช่วยขับเหงื่อ  เป็นอาาหารบำรุงสุขภาพ

**อย่าลืมหันมาใส่ใจสุขภาพกันน่ะค่ะ**



วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ของแสลงหน้าร้อน "ยิ่งกินยิ่งอันตราย"




คุณรู้หรือไม่?? อาหารประเภทใดบ้างที่คุณควรระวังในช่วง..
"หน้าร้อน!!!"

                  ในช่วงหน้าร้อน อากาศร้อนๆ แบบนี้หลายๆคนคงมองหาอาหารหรือเครื่องดื่มที่จะมาดับร้อน แก้กระหายกัน แต่ต้องระวังอย่าไปทานอาหารที่ยิ่งไปเพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย ทำลายสุขภาพ ส่งผลให้ร่างการเสี่ยงต่อการอักเสบและเกิดโรคได้

             1. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

     เวลาเราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แราจะรู้สึกร้อนวูบวาบใช่ไหม่ค่ะ นี่ล่ะ...เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยาย หากดื่มในเวลาที่อากศรอบตัวร้อนจัด จะมีโอกาสทำให้คุณช็อกได้เลย
       นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีผลเสียกับตับเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะเพิ่มความร้อนให้ตับ ทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นในการล้างสารพิษเหล้า ยิ่งเกิดกระบวนการอักเสพขึ้นในตัวเรา

     2.เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

     อย่างกาแฟหรือชา เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ทำให้เราต้องปัสสาวะบ่อยขึ้น เป็นกรขับถ่ายออกจากร่างการ เมื่อร่างกายขาดน้ำเราจะรู้สึกเพลียแดดได้ง่ายขึ้น 
     นอกจากนี้ ฤอทธิ์ของคาเฟอีนยังไปกระตุ้นถึงละอณูของสมอง ทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย ใจสั่น ดังนั้น จึงควรงดดื่มคาเฟอีนในวันที่ต้องออกไปทำงานกลางแจ้ง หรือถ้าติดกาแฟจริงๆ ไม่ดื่มไม่ได้ ก็ขอให้ดื่มน้ำตามเข้าไปช่วยอีกแรง


     3.ขนมหวานทั้งหลาย

     ไม่ว่าจะเป็นลูกอม ขนมไทยที่ส่วนใหญ่จะมีรสหลาน ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมเค้ก ฯลฯ ก็ทำให้ร่างกายเร้าร้อน เพราะเมื่อร่างกายเราเผาผลาญน้ำตาลจะสร้างความร้อนขึ้นมา และยังปล่อยขยะที่เกิดจากการเผาผลาญออกมาทำร้ายร่างกายอีกด้วย


     4.ของทอด ของมัน

     ของทอดแสนอร่อยที่ชอบทานดันนั้น ได้รับความร้อนมาจากน้ำมันที่ใช้ทอด และน้ำมันที่ทอดนี่เองที่ทำให้ร่างกายเราร้อน และเกิดการอักเสบได้ด้วย เช่นเดียวกับของมันๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนม เนบ วิปครีม ถือเป็นทรานส์แฟตที่ทำให้ร่างกายของเราเกิดการอักเสบ และกระทบต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจได้ทีเดียว

     5.อาหารรสเค็มจัด

             ยิ่งกินเค็มเท่าไหร่ ไตก็ทำงานหนักขึ้รเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วในหน้าร้อนไตของกราจะทำงานหนักอยู่แล้ว เพื่อคอยสงวนน้ำไว้ในร่างกาย จะได้ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะและขับเหงื่อดับร้อน แต่ถ้าเรายิ่งทานของเค็มๆ ซ้ำเติมลงไปอีก จะยิ่งกดดันให้ไตทำงานหนักขึ้น ดังนั้นต่อไปทานอาหาร ไม่ควรปรุงรสเค็มจากน้ำปลา ซีอิ๊ว ฯลฯ เพิ่มอีก ปริมาณที่พอดีก็คือไม่ควรทานน้ำปลาเกิน 1 ช้อน/วัน ส่วนเกลือก็ไม่ควรทานเกิน 1 ช้อนชา/วัน

             6.ผลไม้รสหวานฉ่ำน้ำตาล


ผลไม้หวานๆ อย่างเช่น ทุเรียน ละมุด ขนุน ลำไย จริงๆก็สามารถทานได้ แต่ไม่ควรทานมากจนเกินไป เพราะในผลไม้เหล่านี้มีน้ำตาล "ฟรุกโตส" ซึ่งมีส่วนในการสร้างอนุมูลอิสระและไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะทุเรียนต้องระวังอย่าทานมากเกินไปค่ะ เพราะในเื้อทุเรียนมี "กำมะถัน" ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สร้างความร้อนให้ร่างกายมาก ยิ่งมาผสมกับน้ำตาลฟรุกโตสแล้ว ดังนั้นควรทานพอประมาณเท่านั้น ไม่เช่นนั้นได้ร้อนแน่ๆ


     7.น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีรสหวาน

     หลายคนอาจคิดในใจว่า ยิ่งอากาศร้อนก็ต้องยิ่งดิ่มน้ำหวาน น้ำอัดลม จะได้สดชื่นดับกระหายคลายร้อน ซึ่ง นพ.กฤษดา ก็ยอมรับว่า เครื่องดื่มหวานจัดเย็นเจี๊ยบช่ววยให้ความสดชื่นได้จริง แต่ถ้าดื่มบ่อยไปก็ยิ่งชวนให้กระหายน้ำมากขึ้นเหมือนกัน เพราะในเครื่องดื่มเหล่านี้มีน้ำตาล อีกทั้งดื่มมากไปจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลเกินโควต้า/วัน และยิ่งมีกรดซ่าหรือคาร์บอนิกที่ทำให้เกิดความซาบซ่า จะไปกัดกร่อนเคลือบฟันได้

   


อาหารทั้ง 7 อย่าง อาจส่งผลหรือไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกานก็ได้ขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นสำคัญ เพราะถ้าหากทานเยอะๆ ทานบ่อยๆ ก็มีสิทธิ์ป่วยไข้ในหน้าร้อนได้
        
"แล้วอย่าลืมหันมาใส่ใจสุขภาพกันน่ะค่ะ!"